แม่หัวหน้าวิเชียร "หลั่งน้ำตา" เป็นห่วงสุดหัวใจ หลังลูกนำทีมจับเปรมชัย แต่กลับติดต่อลูกไม่ได้
"วิเชียร ชิณวงษ์" กลายมาเป็นชื่อที่ทุกคนในสังคมไทยกำลังจับจ้อง หลังจากที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้นำทีมเข้าจับกุมคณะท่องเที่ยวของนายเปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสบริษัทชื่อดังระดับประเทศ อิตาเลียนไทย โดยพบของกลางเป็นอาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนมาก พร้อมทั้งซากเสือดำที่ถูกชำแหละ สร้างความสะเทือนใจให้กับคนในสังคม และเรื่องนี้ก็กลายมาเป็นเรื่องที่สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรมไทยอีกครั้ง
ขณะที่นายวิเชียร ได้ออกมายืนยันว่า สาเหตุที่จับเพราะทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่กังวลหรือหนักใจ โดยการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้เป็นเรื่องที่ต้องกระทบกับผลประโยชน์ของใครบางคน หากเจ้าหน้าที่ท้อถอยถอดใจ ทรัพยากรป่าไม้ก็จะถูกทำลายลงในไม่ช้า ดังนั้น ในส่วนของตนและเจ้าหน้าที่ทุกนาย พร้อมเสมอที่จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้
ล่าสุดผู้สื่อข่าวครอบครัวข่าว 3 ได้เดินทางไปที่บ้านของ นายกรณ์ ชิณวงษ์ อายุ 61 ปี และนางวงเดือน ชิณวงษ์ อายุ 56 ปี พ่อและแม่ของนายวิเชียร ที่ อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ พบว่ามีชาวบ้าน และญาติพี่น้องของนายวิเชียร มาจับกลุ่มพูดคุยกัน และพากันชื่นชมการกระทำของนายวิเชียรที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ซื่อสัตย์ ไม่หวั่นเกรงอิทธิพล จากนั้นชาวบ้านได้พากันให้กำลังใจพ่อ-แม่ ของนายวิเชียร โดยตะโกนลั่นว่า "วิเชียร สู้ ๆ"
นายกรณ์ พ่อของนายวิเชียร เล่าว่า ตนภูมิใจในตัวลูกชายมาก ลูกเคยพูดไว้กับตนว่า จะรักษาป่าไม้และสัตว์ป่าจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่ด้วยความเป็นพ่อ ตนรู้สึกห่วงใยลูกมาก เพราะกลุ่มบุคคลที่ได้รับผลกระทบ เป็นคนมีเงิน มีอิทธิพล หลังเกิดเรื่องตนพยายามโทร. หาลูก แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ทั้งนี้ตนขอฝากบอกลูกชายว่า ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ เพื่อดำเนินตามรอยพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่ทรงให้มีการปลูกป่าและรักษาป่าอย่างเต็มที่เพื่ออนาคตของลูกหลานไทยให้มีป่าและสัตว์ป่าเอาไว้ในป่าของประเทศไทย และเป็นการทำความดีถวายพ่อหลวง ร.9 และ ร.10
ด้านนางวงเดือน แม่ของนายวิเชียร กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตนเป็นห่วงลูกมาก เพราะลูกเป็นคนทำงานตรงไปตรงมา ถ้าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องลูกจะไม่ยอมให้ทำผิดอย่างเด็ดขาด หลายเดือนมานี้ลูกไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ปกติหากมีเวลาว่างลูกจะกลับมาเยี่ยมตนและครอบครัว แต่เนื่องจากว่า ส่วนมากแล้วลูกชายจะอยู่ในป่าออกตรวจตราเขตพื้นที่รับผิดชอบกับเจ้าหน้าที่จึงไม่ค่อยมีเวลาว่าง
หลังจากที่มีข่าวออกมาตนพยายามติดต่อกับลูกแล้วหลายครั้ง แต่ว่าไม่สามารถติดต่อได้ ตนขอฝากถึงลูกว่า ให้ทำงานอย่างเต็มที่เหมือนเดิมและให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะว่า ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องและชาวไทยทั่วประเทศที่รักความถูกต้องคอยเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนมีความห่วงใยลูกเป็นอย่างมาก ขอให้ระมัดระวังตัวและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
ข้อมูลและภาพ จาก kapook
About Unknown